เหตุผลที่กิมจิเป็นที่นิยมไม่ใช่แค่เพราะรสชาตของมันเท่านั้นนะคะ แต่ยังรวมถึงคุณค่าทางอาหารด้วยค่ะ !
กิมจิที่ผ่านการหมักอย่างดีนั้นจะมี แอนตี้ไบโอติก ( Anti-Biotic ) ซึ่งแบคทีเรียกรดแลคติก ( Lactic Acid Bacteria ) ที่เกิดจากการหมักจะช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ไม่ดีไม่ให้เติบโตขึ้นภายในลำไส้ของเราค่ะ
เรื่องเกี่ยวกับช่องท้องนี่หายห่วงเลยนะคะ ^^
กรดแลคติกยังมีหน้าที่ป้องกันโรคต่าง ๆ ได้อีกสารพัดเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน โรคอ้วน หรือ มะเร็งในกระเพราะค่ะ และเจ้านี้นี่แหละค่ะที่ทำให้กิมจิมีรสเปรี้ยว
ยังมีสารในกิมจิอีกหลายอย่างนะคะที่ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารเนื่องจากการกินเนื้อสัตว์และอาหารมีกรดชนิดอื่น ๆ ด้วยนะคะ
ส่วนผสมส่วนใหญ่ในกิมจินั้นจะมีแคลลอรี่และปริมาณน้ำตาลต่ำค่ะ แต่กากใยอาหาร วิตามินต่าง ๆ ( โดยเฉพาะวิตามิน A กับ C ) และ แร่ธาตุ อย่างเช่นแคลเซียมและธาตุเหล็ก จะมีอยู่มากเลย ! เพราะ
ฉะนั้นกินได้ไม่ต้องห่วงอ้วนเลยค่ะ ฮิฮิ ดีต่อสุขภาพแน่นอน
น้ำจากผักและเกลือในกิมจิก็มีคุณค่าด้วยเหมือนกันค่ะ เพราะช่วยชำระล้างให้ลำไส้ของเราสะอาด
กากใยในผักกาดขาวนั้นแม้จะไม่ใช่สารอาหารที่บำรุงเลี้ยง แต่ก็ช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้เป็นอย่างดีเลยนะคะ กากใยในผักกาดขาวที่ใส่ทำกิมจินั้นนจะมีความสำคัญในการช่วยให้อาหารย่อยผ่านสำไส้ได้ง่ายค่ะ ช่วยยับยั้งอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้ ส่วนพริกกับกระเทียมจะช่วยในเรื่องของการป้องกันการจับตัวเป็นก้อนของเลือดและการลดคลอเรสโครอล ( Cholesterol ) ในเลือดค่ะ
แบคทีเรียกรดแลคติก ( Lactic Acid Bacteria )
จากเรื่องในย่อหน้าข้างบน ทุก ๆ ท่านคงเห็นได้งว่าแลคติกแบคทีเรียที่ก่อตัวในกิมจิเนี่ยมีประโยชน์มาก ๆ เลยนะคะ โยเกิร์ตที่ว่ามีแลคติกแบตทีเรียสูง ยังสู้กิมจิไม่ได้เลยล่ะค่ะ กิมจิน่ะมีเยอะกว่าอีก ! ฮิฮิ ^^ เจ้าแบคทีเรียชนิดนี้ไม่ใช่แบคทีเรียแต่อย่างใดนะคะ แต่กลับเป็ยแบคทีเรียที่แสนดี เพราะช่วยดูแลเรื่องลำไส้ของเราและการมีหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคได้อีกด้วยค่ะ
กรดอเซทิก ( Acetic Acid )
กรดอเซทิกในกิมจิจะเกิดขึ้นต่างไปจากกรดแลคติกนะคะ เหตุผลก็อยู่ตรงส่วนผสมและวัสดุที่ใช้ในการทำกิมจิค่ะ อย่างเช่นระดับของเกลือที่ใช้ หรืออุณหภูมิและระยะเวลาในการดองค่ะ กิมจิที่ใส่เกลือและอุณหภูมิในการดองยิ่งน้อยเท่าไหร่ รสชาดของกิมจิก็จะยิ่งดีเท่านั้นค่ะ ! รสชาดของกิมจิก็ยังขึ้นอยู่กับระดับของเจ้ากรดอเซติกตัวนี้ด้วยนะคะ
กรดอามีโน ( Amino Acids )
กรดอเซทิกไม่ได้เป็นส่วนสำคัญอย่างเดียวในเพิ่มรสชาดอันแสนพิเศษให้กับกิมจินะคะ แต่ยังมีก๊าซคาร์บอน เครื่องปรุงรส และ กรดอามีโนนี่ล่ะค่ะที่เป็นตัวช่วยด้วย กรดอามีโนนั้นจะเกิดขึ้นจากการแตดตัวของโปรตีนในน้ำพริกปลาดอง ( Pickled Fish Paste ) และหอยนางรมที่ใส่ลงไปในกิมจิค่ะ จากการสำรวจได้พบว่าในกิมจิมีกรดอามีโนถึง 17 ชนิดด้วยกันค่ะ
วิตามิน ( Vitamins )
ในกิมจินั้นจะมีวิตามินบี และวิตามินซีอยู่สูงมากค่ะ ร่วมไปถึงแบต้าแคโรทีน ( Beta Carotene ) ด้วย หลังจากการดองกิมจิไปเป็น เวลานานขึ้น ระดับของวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินบี 12 ก็จะเพิ่มถึงเป็นสองเท่าเลยล่ะค่ะ !
ทุก ๆ ท่านคงเห็นถึงความมีประโยชน์ของกิมจิแล้วใช่มั้ยล่ะคะ ~ กินอร่อยแบบไม่มีเบื่อ แถมยังดีต่อสุขภาพด้วยนะคะ หวังว่าข้อมูลในวันนี้จะช่วยให้ทุกท่านรู้เรื่องกิมจิไม่มากก็น้อยนะคะ ! ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ
[ขอบคุณ ข้อมูลดีๆ จาก oknation.net]
อันนี้เป็นตารางที่แสดงปริมาณของวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ในส่วนผสมของกิมจินะคะ